ลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทอง อีกรายหนึ่งชื่อเล่นว่า “แป๊ะ” ได้มาเล่าให้อาจารย์เจมส์ เข็มทองฟังว่า เมื่อประมาณเดือนกรกฎาคม 2553 ขณะขับรถยนต์จะกลับบ้าน มีรถยนต์ขับสวนทางมาด้วยความเร็วสูง ลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทอง พยายามหักหลบแต่ไม่พ้น รถยนต์คันดังกล่าวได้พุ่งเข้าชนถูกรถยนต์ลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทองอย่างจัง ตั้งแต่ด้านคนขับตรงประตูรถยุบไปจนถึงล้อหลังแตก หูแหนบฉีก เพลารถคดไม่สามารถขับต่อไปได้ ต้องให้รถยกมาลากไปซ่อม ใครเห็นสภาพรถทุกคนลงความเห็นว่าคนขับต้องบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแน่ๆ เพราะสภาพรถยับเยินถึงขนาดนี้ ปรากฏว่าลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทองไม่เป็นอะไรเลย แต่รถคันที่พุ่งเข้าชนรถของลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทอง ยุบทั้งคัน คนขับรถได้รับบาดเจ็บ สาเหตุที่ทำให้ลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทองแคล้วคลาดปลอดภัยจากเหตุการณ์ครั้งนี้ก็เป็นเพราะว่าได้มาสักยันต์ที่สำนักสักยันต์อาจารย์เจมส์ เข็มทอง ยันต์ที่สักในตัวได้ปกปักรักษาคุ้มครองตัวไว้นั่นเอง เป็นการยืนยันจากคุณแม่ของคุณแป๊ะนั่นเอง
ลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทอง รายหนึ่งมีสามีเป็นชาวต่างชาติ พาสามีมาสนทนาธรรมเกี่ยวกับธรรมะ เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์พระธาตุ ปาฏิหาริย์ของพระธาตุที่เขาเคยมีและบูชาอยู่หนึ่งองค์ อาจารย์เจมส์ เข็มทอง เลยทักขึ้นว่าไปเอาพระธาตุที่รถยนต์มาดู ลูกศิษย์อาจารย์เจมส์ เข็มทองได้ไปหยิบผอบที่ใส่พระธาตุ ในใจนึกสงสัยว่าอาจารย์เจมส์ เข็มทอง รู้ได้อย่างไรว่าในรถยนต์มีพระธาตุอยู่ แปลกในมาก พอเปิดผอบที่พระธาตุดูถึงกับตกตะลึง เห็นพระธาตุเพิ่มขึ้นมีสามองค์ เป็นสิ่งปาฏิหาริย์และมหัศจรรย์มาก เขาบอกสามีชาวต่างชาติว่า มีพระธาตุเพิ่มขึ้นเป็นสามองค์ ทั้งที่ก่อนนี้ เขามีอยู่องค์เดียว สามีเขาไม่เชื่อถึงกับถกเถียงกันเป็นการใหญ่ ส่วนตัวเขาเองยังงงและสงสัยมาก พออาจารย์เจมส์ เข็มทอง ให้ไปเอาพระธาตุมาดูกลับมีพระธาตุเพิ่มขึ้นเป็นสามองค์ได้อย่างไร และอาจารย์เจมส์ เข็มทอง รู้ได้อย่างไรว่าในรถยนต์มีองค์พระธาตุอยู่ แปลกและมหัศจรรย์มากจริงๆ