ผื่นผ้าอ้อม...ป้องกันและรักษาได้ด้วยตัวเอง
โดย รศ.นพ.สังคม จงพิพัฒน์วณิชย์

photo by thai-mom.com
ผื่นผ้าอ้อมคือผื่นที่เกิดขึ้นบนผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอ้อม ไม่ว่าผ้าอ้อมนั้นจะเป็นผ้าอ้อมแบบผ้าหรือผ้าอ้อมที่ใช้แล้วทิ้งก็ตาม โดยผิวหนังบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอ้อมจะเกิดเป็นผื่นแดงซึ่งต่อมาอาจจะมีอาการแดง ลามเป็นมากขึ้นจนผิวหนังอักเสบ เปื่อยเป็นแผลและติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อราได้
สาเหตุที่ทำให้เป็นผื่นผ้าอ้อม
ผื่นผ้าอ้อมไม่ได้เกิดจากตัวผ้าอ้อมโดยตรงเพราะจากการวิจัยพบว่าผื่นผ้าอ้อมนั้นเกิดได้ทั้งในทารกที่ใช้ผ้าอ้อมชนิดผ้าที่ใช้แล้วสามารถซักแล้วนำกลับมาใช้ใหม่หรือผ้าอ้อมสำเร็จรูปที่ใช้ครั้งเดียวทิ้ง แต่เกิดเนื่องจากผลของการใช้ผ้าอ้อม เช่น ความร้อน อบ อับ เปียกชื้น เหงื่อที่ผิวหนังและปัสสาวะและอุจจาระที่ติดอยู่ที่ผ้าอ้อม เนื่องจากผิวหนังที่เปียกชื้นตลอดเวลาจะทำให้ผิวหนังโดยเฉพาะผิวหนังของทารกและเด็กเล็กซึ่งบาง อ่อนนุ่ม เกิดการระคายเคือง เปื่อยเป็นแผลและติดเชื้อจนเกิดการอักเสบได้ง่ายกว่าเด็กโต การปล่อยให้ทารกและเด็กแช่อยู่ในผ้าอ้อมเปื้อนปัสสาวะหรืออุจจาระเป็นเวลานานเกินไป แบคทีเรียในอุจจาระจะไปย่อยสารสารยูเรียในปัสสาวะสลายตัวเป็นแอมโมเนียซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนังและทำให้ผิวหนังมีความเป็นด่างแล้วไปกระตุ้นให้เอ็นไซม์ที่ช่วยย่อยโปรตีน(protease) และไขมัน(lipase)ที่มีอยู่ในอุจจาระทำงาน ซึ่งจะยิ่งทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นระคายเคืองจากกรดน้ำดี(bile acid )มากขึ้น ผิวหนังจึงเกิดผื่นแดงเป็นผื่นผ้าอ้อม
โดยสรุปผื่นผ้าอ้อมเกิดจากการที่ผิวหนังเปียกชื้นและสัมผัสกับปัสสาวะและอุจจาระเป็นเวลานานๆจนทำให้ผิวหนังมีความเป็นด่าง และเกิดการระคายเคืองจนผิวหนังเป็นผื่นแดง เปื่อยเป็นแผลและอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราซ้ำเติม ทารกที่กินนมผงจะมีอุจจาระเป็นด่าง ทำให้มีโอกาสเกิดผื่นได้ง่ายกว่าทารกที่กินนมแม่ซึ่งมีอุจจาระเป็นกรดช่วยทำให้เอ็นไซม์ต่างๆ เช่น โปรตีน(protease) และไขมัน(lipase)และกรดน้ำดี(bile acid )ที่มีในอุจจาระทำงานน้อยลง จึงมีโอกาสเป็นผื่นผ้าอ้อมน้อยกว่า แต่ถึงอย่างไรก็ตามทารกที่กินนมแม่ก็ยังสามารถเป็นผื่นผ้าอ้อมได้ ถ้าหากมีการใช้ผ้าอ้อมและดูแลผิวหนังบริเวณนั้นอย่างไม่ถูกต้อง

photo by lannababyhome.com
อาการของผื่นผ้าอ้อม
ผื่นผ้าอ้อมมักเกิดบริเวณขาอ่อนด้านในโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงซอกเนื้อ ข้อพับ ขาหนีบ บางคนอาจเกิดผื่นขึ้นที่บริเวณอวัยวะเพศและอาจมีผื่นขึ้นเกือบรอบบริเวณที่สัมผัสกับผ้าอ้อม ลักษณะผื่นผ้าอ้อมจะเป็นผื่นแดงๆและแฉะ บางคนอาจมีอาการรุนแรงมากขึ้นจนผิวหนังเปื่อยเป็นแผลมีน้ำเหลืองเยิ้ม และถ้ามีการติดเชื้อแบคทีเรียจะทำให้ผิวหนังอักเสบเป็นหนองได้ แต่ถ้ามีการติดเชื้อราลักษณะของผื่นจะมีทั้ง แบบผื่นแดง ปื้นแดงโดยจะมีสีแดงชมพูและเห็นขอบผื่นชัดเจน หรือผื่นมีหนังลอกออกเป็นแผ่นๆ(scale) และลักษณะทีบ่งชี้ว่าเป็นการติดเชื้อราคือมักพบผื่นเล็กๆ ที่กระจายออกไป เหมือนมีการลามของผื่นออกไปเป็นวงๆ เรียกว่ามี Satellite lesion รอยผื่นแดงเล็กบางที่อาจรวมตัวกันเป็นผื่นที่ใหญ่ขึ้นเป็นผื่นเดียว (Coalescing)
การดูแลป้องกันและรักษาโรคนี้ด้วยตนเอง
1.พยายามหยุดการใช้ผ้าอ้อม หรือใส่ผ้าอ้อมให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูกบ่อยๆ(อย่างน้อยทุกๆ 2-3 ชั่วโมง หรือทุกครั้งที่ลูกถ่ายปัสสาวะหรืออุจจาระ) เพื่อช่วยให้ผิวหนังของลูกได้สัมผัสอากาศมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผิวลูกจะได้แห้ง ไม่เปียกชื้นอยู่ตลอดเวลา มีพ่อ แม่ ผู้ปกครองหลายคนสงสัยว่า ทำไมให้ลูกใส่ผ้าอ้อมเฉพาะเวลากลางคืนเท่านั้น ลูกก็ยังเป็นผื่นผ้าอ้อมได้ ถ้าต้องการรู้คำตอบให้หายสงสัย คุณพ่อ คุณแม่ หรือผู้ปกครองลองใส่ผ้าอ้อมของผู้ใหญ่ตลอดทั้งคืน ทุกๆวัน แล้วจะรู้คำตอบเองว่ามันรู้สึกร้อน อบอ้าว ชื้นแฉะและไม่สบายตัวเพียงใดแม้จะอยู่ในห้องแอร์ เพราะฉะนั้นถ้าลูกเป็นผื่นผ้าอ้อม จะต้องลดเวลาการใส่ผ้าอ้อมลงไปอีกเรื่อยๆและดูแลผิวลูกให้ถูกต้องและดีขึ้นอีกจนกระทั่งลูกไม่มีปัญหาผื่นผ้าอ้อมอีกจึงจะเรียกว่าดูแลได้ถูกต้องและเต็มที่แล้ว พูดง่ายๆคือ ถ้าลูกยังเป็นผื่นผ้าอ้อมแสดงว่ายังดูแลไม่ดีพอ
2.การใช้ผ้าอ้อมชนิดใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งที่มีเจลหรือผ้าใย (microfiber cloth) ที่ช่วยดูดซึมความเปียกชื้นจากผิวหนัง จะช่วยให้ผิวหนังแห้งและมีโอกาสเป็นผื่นผ้าอ้อมน้อยลง แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ถ้าหากใช้ผ้าอ้อมชนิดนั้นพร่ำเพรื่อ ตลอดเวลาและไม่ดูแลผิวลูกให้ถูกต้อง ลูกก็ยังสามารถเป็นผื่นผ้าอ้อมได้อยู่ดี
3.เมื่อลูกปัสสาวะหรืออุจจาระควรถอดเปลี่ยนผ้าอ้อม แล้วทำความสะอาดผิวหนังส่วนที่อยู่ในผ้าอ้อมเบาๆ ด้วยน้ำเปล่า หรือสบู่ไร้ด่าง
4.หลังทำความสะอาดผิวหนังบริเวณผ้าอ้อมของลูก ควรเช็ดให้แห้ง ปล่อยให้ผิวหนังลูกสัมผัสกับอากาศก่อนแล้วจึงทาด้วยครีมหรือ Ointment ที่มีZinc Oxide หรือ Petrolatum (วาสลีน ) หรือ dimethicone เพื่อเคลือบปกป้องผิวไม่ให้เกิดการระคายเคือง
5.ไม่ควรทาแป้งบริเวณขาหนีบและอวัยวะเพศของลูกเพราะแป้งจะจับกับเหงื่อที่ออกในบริเวณนั้นกลายเป็นคราบหรือก้อนแป้งชื้นๆแฉะๆ ทำให้ผิวชื้นแฉะตลอดเวลา และสามารถเกิดอาการระคายเคืองและเป็นผื่นผ้าอ้อมง่ายขึ้น

photo by scia2009.org
เมื่อไรที่ต้องพาลูกไปพบแพทย์ ?
ควรพาลูกไปพบแพทย์หากดูแลรักษาตามวิธีข้างต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือเมื่อสงสัยว่าลูกอาจมีการติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นตุ่มหนอง หรือ เป็นผื่นเนื่องจากเชื้อรา
การรักษาเมื่อไปพบแพทย์
1. แพทย์จะตรวจหาสาเหตุของผื่นที่เกิดขึ้นแล้วแนะนำวิธีดูแลรักษาที่ถูกต้อง
2.หากเป็นผื่นผ้าอ้อมที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย แพทย์จะให้ยาปฏิชีวนะเพื่อรักษาอาการติดเชื้อนั้น
3.ถ้าลูกมีอาการของผื่นผ้าอ้อมที่รุนแรง หรือเรื้อรัง(eczema) แพทย์อาจจ่ายครีมสเตียรอยด์ เช่น hydrocortisone cream ฯให้ทาเพื่อลดอาการระคายเคืองของผิวหนังลูก
4.ถ้าผื่นที่เกิดขึ้นมีสาเหตุจากเชื้อรา แพทย์จะใช้ยาทาเพื่อฆ่าเชื้อรา เช่น Ketoconazole cream, Miconazole cream, Clotrimazole cream ฯ โดยให้ทาวันละ 2 ครั้งหรือทุกครั้งหลังทำความสะอาดผิวหนังบริเวณนั้น
5.แต่ในบางครั้งแพทย์อาจไม่แน่ใจว่าผื่นนั้นเป็นผื่นผ้าอ้อมที่เกิดจากการระคายเคืองหรือติดเชื้อรา แพทย์อาจจะจ่ายยาทาที่มีส่วนผสมของ