หน้าหลักนิยาย
บันทึก Favorite
ตอนถัดไป
ขนาดตัวอักษร
เพิ่มขนาด
ลดขนาด
JUST YU
นากาโมโตะ ยูตะเดินตามอาจารย์ด้วยหัวใจที่เต้นโครมครามเพราะความประหม่าและตื่นเต้น มือเล็กๆที่กุมกันไว้ชื้นเหงื่อจนเหนอะหนะ ก้มหน้า กัดริมฝีปากแน่นเตรียมพร้อมรับกับสังคมใหม่ในประเทศเกาหลี ซึ่งเด็กหนุ่มเป็นคนญี่ปุ่นแท้ๆจากตระกูลที่ชื่อดังในวงการกว้างของนักธุรกิจ มีบริษัทมากมายที่อยู่ใต้การดูแลของครอบครัวเขา แต่ว่า…เนื่องจากคุณพ่อต้องการที่จะเปิดบริษัทลูกที่นี่ ทำให้เขาต้องติดห้อยสอยตามมาด้วยอย่างช่วยไม่ได้ อีกอย่างเพราะคุณพ่อคนเก่งที่เห็นความสำคัญในอนาคตลูกชาย จึงส่งให้ไปเรียนภาษาตั้งแต่เด็กๆ และหนึ่งในนั้นก็คือภาษาเกาหลี ยูตะจึงไม่มีปัญหานักในการที่จะพูดคุยสื่อสารด้วยภาษานี้
ขาของเด็กหนุ่มหยุดชะงักตามอาจารย์ที่กำลังจะเปิดประตูเข้าไปในห้องเรียน ยูตะหลับตาสูดลมหายใจลึกๆเข้าปอด นับเลขไปเรื่อยๆให้คลายความกังวล แต่เอาเข้าจริงนะ ไม่เห็นจะได้ผลเลย
“ยูตะคุงต้องเป็นที่รักของเพื่อนๆแน่นอน เชื่ออาจารย์ได้เลย”
“เอ่อ..ครับ”
และเพียงแค่อาจารย์ที่ปรึกษาพาคนตัวเล็กที่ไม่คุ้นหน้าคุ้นตาก้าวขาเข้ามาในห้อง เสียงเจื้อยแจ้วของเหล่านักเรียนก็ต่างพากันเงียบกริบ หยุดการกระทำทุกอย่างแล้วหันมาให้ความสนใจคนที่ยืนตรงกลางห้องอย่างรวดเร็ว อาจารย์กระแอมเล็กน้อยวางแฟ้มไว้บนกับโต๊ะ ผายมือให้เด็กใหม่ทำความรู้จักกับทุกคน
“นากาโมโตะ ยูตะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ” แนะนำตัวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครืออย่างไม่มีความมั่นใจ บนใบหน้าก็ไม่มีรอยยิ้มมีแต่แต้มสีแดงระเรื่อขึ้นแทน ยูตะยืนเกาท้ายทอยมองเพื่อนๆร่วมห้องอย่างทำตัวไม่ถูก ก่อนจะก้มหน้าลงอีกครั้งเพราะทนสายตาที่ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ จนอาจารย์ชี้ที่นั่งให้ดู ยูตะเลยเดินไปหาอย่างช้าๆ วางกระเป๋าเรียบร้อยก็หยิบหนังสือต่างๆขึ้นมาวางไว้บนโต๊ะ ไม่ได้ให้ความสนใจคนนั่งข้างๆแม้แต่น้อย จนต้องสะกิดเข้าที่ไหล่เล็ก
“เฮ้!! เด็กใหม่ ฉันชื่ออี แทยงนะ”
“อืม” พยักหน้ารับแล้วหันไปมองหนังสือของตัวเองต่อ
“นี่ ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยเหรอ อย่าเอาแต่เงียบสิ”
ก็ทำไงได้เล่า ปกติยูตะก็เป็นคนไม่ค่อยพูดอยู่แล้ว ที่สำคัญตอนนี้รอบๆตัวก็ดูใหม่ไปเสียทุกอย่างจนยากจะปรับตัวทัน เงียบไว้ก่อนน่ะดีแล้ว
“ตอนนายแนะนำตัว ควรจะยิ้มกว้างๆนะ เพื่อนๆจะได้ไม่กลัว”
จะกลัวก็ช่างไปเถอะ ยูตะไม่ได้สนใจอยู่แล้ว เอาเป็นว่า วันๆนึงมาเรียนแล้วก็กลับบ้าน จบ ไม่ต้องสานสัมพันธ์หาเพื่อนให้ยุ่งยาก
“คนญี่ปุ่นเป็นแบบนายทุกคนรึเปล่าน๊า” แทยงยังไม่คงเลิกจะสรรหาคำพูดมาต่อบทสนทนากับเพื่อนใหม่ ทั้งๆที่ฝ่ายนั้นไม่ตอบโต้อะไรซักคำ เท้าคางจ้องมองใบหน้ายูตะชัดๆ ก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ กับใบหน้าหวานๆที่ถูกล้อมกรอบด้วยผมสั้นตามประสาผู้ชายทั่วไป แต่ว่าผมหน้าม้าของเจ้าตัวมันน่ามองมากๆเลย ราวกับว่าผมทรงนี้มีไว้เพื่อคนตัวเล็กอย่างไรอย่างนั้น ไหนจะแก้มแดงๆ กับริมฝีปากบางสีชมพู ทั้งหมดทั้งมวล แทยงประมวลผลออกมาได้ว่า
ที่มีคนเคยบอกว่าคนญี่ปุ่นมักน่ารัก
น่าจะจริงแฮะ
เพราะคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆเขานี่น่ารักเป็นบ้า
“นายชอบกินอาหารเกาหลีอะไรเหรอ ให้ฉันแนะนำให้เอาไหม?” แทยงถามเพื่อนตัวเล็กที่เตรียมตัวจะเดินหนีเขาไปทางอื่น ก็เลยต้องใช้แขนยาวๆของตัวเองล็อคคอยูตะไว้แน่น พาไปเดินทั่วโรงอาหารพร้อมๆกัน
“อย่ายืนเงียบสิ จะกินอะไร” คะยั้นคะยอคนตัวเล็กที่ไม่พูดไม่จา จนยูตะเริ่มจะรำคาญ ส่งสายตาฉุนๆไปให้ พยายามจะแกะมือที่เริ่มเลื่อนมาโอบไหล่ออก แต่แทยงก็กระชับแน่นขึ้น ไม่พอยังมีหน้ามากระซิบเข้าที่ข้างๆหูอีก “ต้องตัวติดกันไว้สิ เราจะสนิทกันเร็วๆ”
“ใครอยากสนิทกับนาย”
“โหดร้ายจังเลย รู้ไหมมีแต่คนอยากเป็นเพื่อนกับฉันทั้งนั้น” แทยงยิ้มร่า ที่เขาพูดน่ะเป็นความจริงนะ เพราะบุคลิกที่ร่าเริง เข้าถึงง่ายมันเลยทำให้หลายๆคนอยากอยู่ใกล้ แต่ตอนนี้แทยงรู้แล้วแหละว่า คงต้องยกเว้นเด็กญี่ปุ่นคนนี้ไว้คนนึง… ซึ่งนั่นมันก็ทำให้เขาได้ใจ ไม่อยากให้อยู่ใกล้ใช่ไหม แทยงจะเกาะติดเป็นยมฑูตเหมือนในหนังเดธโน้ตเลย
กว่าจะเลือกอาหารกลางวันได้ ก็ใช้เวลานานกว่าทุกวัน เพราะยูตะเอาแต่ส่ายหน้า อันนู้นไม่เอา อันนี้ก็ไม่เอา จนแทยงเหงื่อตก สุดท้ายเลยมาหยุดที่บิบิมบับ แอบเหลือบมองคนตัวเล็กที่ตักเข้าปากคำแล้วคำเล่าไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น มันควรจะน่าอึดอัดนะ กับการที่ต้องมานั่งกับคนประเภทเหมือนถูกเย็บปาก แต่ว่า…แทยงไม่รู้สึกอย่างนั้น กลับกันรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่สบายใจเอามากๆ แถมเพลินตาสุดๆ จนเขาหลุดยิ้มออกมาอยู่บ่อยครั้ง
แค่รู้จักกันวันแรก ยูตะก็ทำให้เขาเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ
หลายอาทิตย์ผ่านไปที่แทยงดูแลเด็กใหม่ชาวญี่ปุ่นเป็นอย่างดี พยายามหยิบยื่นความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนให้ ยูตะเองก็เอาแต่ปฏิเสธ “ฉันไม่ได้อยากเป็นเพื่อนกับนาย”
แทยงเองก็ไม่รู้หรอกว่ายูตะไม่พอใจอะไรเขานักหนา แต่ช่างเถอะ เขาสนใจซะที่ไหน ไม่ได้เป็นเพื่อนในวันนี้ โอกาสวันหน้าก็ยังมี
และแน่นอนเพราะความสัมพันธ์อันติดลบของยูตะมันเลยเป็นปัญหาในการเข้าหากับเพื่อนๆในห้อง จนเริ่มพากันขยาดและไม่อยากเข้าใกล้ ยิ่งโดนสายตาพิฆาตเข้าให้ ก็พากันกลัวเข้าไปใหญ่ ใบหน้าหวานๆอันน่ามองไม่ช่วยอะไรในเรื่องนี้เลย หนำซ้ำยังเกิดการะเกาะกลุ่มนินทาเรื่องยูตะขึ้นมาด้วย แถมพวกนักเลงหลังห้องก็พยายามจะหาเรื่องกลั่นแกล้งเขาไปวันๆ
“ยูตะเป็นใบ้เหรอ”
“อุ๊ยๆๆ กล่องดินสอใครน๊า อยู่ในถังขยะ”
“ลายมือสวยจังเลยเนอะ ขอฉีกไปแปะไว้ที่บ้านได้ไหม”
การกระทำที่เกิดขึ้นทั้งหมด นากาโมโตะ ยูตะก็ไม่เคยขัดขืนคืนบ้างเลย จะเห็นบ้างที่แก้มคนตัวเล็กแดงเพราะความโกรธ ตัวก็สั่นระริก แต่ก็ทำได้แค่เพียงไปเก็บซากอุปกรณ์การเรียนที่เหลือของตัวเองเข้าไว้ที่เดิม ซึ่งแน่นอนถ้าเป็นแทยงเองมาโดนอะไรอย่างนี้ก็คงไม่ไหว
“พวกมึงจะแกล้งยูตะไปถึงไหน?”
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับมึงนะแทยง”
“ไม่เกี่ยวได้ไง ยูตะเป็นเพื่อนกูนะโว๊ยย”
“ไม่ยักรู้แฮะว่าแทยงเป็นเพื่อนกับยูตะด้วย” นักเลงหัวโจกของห้องปรายตามองคนตัวเล็กที่นั่งก้มหนน้าอยู่บนโต๊ะของตัวเอง ยูตะที่รู้ตัวจึงขยับปากพูดช้าๆ “ฉั